เที่ยวอ่างทองวันเดียว ที่ไหนน่าไปบ้าง

อ่างทอง จังหวัดเล็กไม่ไกลจากกรุงเทพเหมือนกับอยุธยาที่เราสามารถไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้ไม่ยาก อ่างทองถือว่าเป็นเมืองที่มีมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญส่วนใหญ่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม โบราณสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์  วิถีชีวิตและภูมิปัญญาชาวบ้าน ไหว้พระเที่ยวอยุธยามาหลายครั้งลองชะแว่บมาเที่ยวจังหวัดนี้กันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

 

cover

10.00 น. แวะวัดป่าโมก ขอพรพระนอนพูดได้

มาถึงอ่างทองต้องแวะวัดป่าโมกวรวิหาร อีกหนึ่งวัดขึ้นชื่อของจังหวัด  เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามมากองค์หนึ่งของประเทศไทย สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยสุโขทัยมีประวัติความ เป็นมาน่าอัศจรรย์ เล่าขานมาว่าได้ลอยน้ำมาจมอยู่หน้าวัดราษฎรบวงสรวงแล้วชักลากขึ้นมาไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำ  นอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับองค์พระพุทธไสยาสน์ว่าเป็น พระพุทธรูปพูดได้โดยมีการจารึก โดยผู้บันทึกก็คือ พระครูปาโมกข์มุนี เจ้าอาวาสวัดป่าโมก พระพุทธไสยาสน์องค์นี้มีความเก่าแก่คู่กันมากับวัด มีขนาดใหญ่โตและงดงามมาก

 

 

เมื่อเราเข้ามาภายในพระวิหารจะรู้สึกได้ถึงความสงบ ร่มเย็น เป็นองค์พระนอนที่เรารุ้สึกว่ามีพระพักตร์งดงามมาก ดูมีความสุขเหมือนท่านยิ้มให้เราตลอด  สำหรับการเดินทางมาที่วัดนี้ จากอำเภอเมืองอ่างทองไป 18 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 309 สายอ่างทอง-อยุธยา กิโลเมตรที่ 40  แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 329 จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 3501 จะเห็นป้ายทางไปวัดป่าโมก

 

 

11.00 น. เรียนรู้วิถีชีวิตชาววัง ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ

ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ตั้งอยู่บริเวณวัดท่าสุทธาวาส เป็นอาคารทรงไทย 2 ชั้น ชั้นบนแสดงนิทรรศการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ชั้นล่างเป็นที่ทำการของกลุ่มปั้นตุ๊กตาชาววัง โครงการตุ๊กตาชาววังที่บ้านบางเสด็จเป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้แก่ราษฎร ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จถือว่าเป็นสินค้าโอท๊อปที่สร้างชื่อเสียงให้กับอ่างทองมาช้านาน การเดินทางไปศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จสามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 309 จากจังหวัดอยุธยามุ่งหน้าสู่จังหวัดอ่างทองประมาณ 16 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่บ้าน บางเสด็จ ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อยู่ติดกับวัดท่าสุทธาวาส

 

 

ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตปั้นตุ๊กตาชาววัง เรียนรู้การปั้นตุ๊กตาด้วยดินเหนียวที่แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและ วัฒนธรรมประเพณีไทยต่าง ๆ เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ สุภาษิตคำพังเพยไทย หรือรูปผลไม้ไทยหลากหลายชนิด ซึ่งล้วนมีความสวยงามน่ารัก และรูปแบบต่างๆ มากมาย โดยขายในราคาย่อมเยาว์มากค่ะ เริ่มที่ตัวละ 15 บาท เท่านั้น

 

 

นอกจากนี้ยังสามารถชมการปั้นตุ๊กตาชาววังที่สวยงาม โดยคุณป้าท่านนี้กำลังปั้นตุ๊กตาชุดฤาษีดัดตน  ซึ่งมีคนสั่งทำ โดยคุณป้าต้องดูตัวอย่างจากหนังสือเพราะมีหลายท่ามาก  กว่าจะไปได้แต่ละตัวก็ต้องใช้เวลาและฝีมิอที่ชำนาญ

 

 

13.30 น. วัดขุนอินทประมูล ไหว้พระนอนองค์ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ 

มาอ่างทองต้องไม่พลาดวัดขึ้นชื่ออีกหนึ่งแห่งนั้นคือ วัดขุนอินทประมูล  เป็นวัดที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่แห่งทุ่งโพธิ์ทอง ซึ่งนับเป็นพระนอน หรือพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับที่สอง รองจากพระนอนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือ พระนอนที่วัดบางพลีใหญ่กลาง จ. สมุทรปราการ

 

 

องค์พระพุทธรูปมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน องค์พระนอน มีพุทธลักษณะที่งดงาม พระพักตร์ยิ้มละไมสงบเยือกเย็น น่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก พระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้เคยเสด็จมา สักการะบูชา เช่น พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน

 

 

นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดขุนอินทประมูล ยังมีซากโบราณ สถานวิหารหลวงพ่อขาว ซึ่งเหลือเพียงฐานผนังบางส่วนและองค์พระพุทธรูป

 

ด้านหลังเป็นพระอุโบสถหลังใหม่ที่เพิ่งสร้าง ข้างในมีพระพุทธรูปที่งดงามหลายองค์เช่น พระแก้วมรกต พระพุทธชินราชจำลอง การเดินทางไปวัดขุนอินทประมูล สามารถใช้เส้นทางได้ 3 สายคือ สายอ่างทอง-อำเภอโพธิ์ทอง (ทางหลวงหมายเลข 3064 ) แยกขวาที่กิโลเมตร 9 เข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางจากจังหวัดสิงห์บุรีไปทางอำเภอไชโยประมาณกิโลเมตรที่ 64-65 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าถึงวัดเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางตัดใหม่สายอำเภอวิเศษชัยชาญ-โพธิ์ทอง (ถนนเลียบคลองชลประทาน) เมื่อถึงอำเภอโพธิ์ทองมีทางแยกเข้าวัดอีก 2 กิโลเมตร

 

DEW_8485

 

15.00 น. อัศจรรย์ โบสถ์ในต้นไม้ วัดสังกะต่าย

 วัดสังกระต่าย  สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ในอ่างทอง ตัวโบสถ์เก่าแก่มีต้นโพธิ์ ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์ 4 ต้น รวมถึงปกคลุมภายในโบสถ์ด้วย คล้ายกลับโวสถ์ปกโพธิ์ ที่วัดบางกุ้ง โดยภายในโบสถ์มีทั้งหมด 3 ห้อง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เมื่อเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก 2 องค์มีขนาดย่อม ลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข

 

 

ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องว่างเปล่า ตัวโบสถ์ไม่มีหลังคาแต่ร่มรื่น เนื่องจากอาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์ที่ปกคลุมจนเปรียบ เสมือนหลังคาไปแล้ว ส่วนผนังโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่ ทรุดโทรม แตกหัก แต่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่พังทลายลงมา เพราะได้รากต้นโพธิ์ ทั้ง 4 ต้น ที่ขึ้นอยู่ 4 มุม รากได้ชอนไชยึดผนังโบสถ์ไว้ทั้งหลังอย่างแน่นหนา

 

DEW_5972

 

ต้นโพธิ์ที่ปกคลุมรอบตัวโบสถ์แลดูงดงามและอัศจรรย์ยิ่งนัก  หลังมีเสียงร่ำลือถึงความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ ก็เริ่มมีผู้คนสนใจมาชมโบสถ์มากขึ้น กรมศิลปากรได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่อีกด้วยโดยมุ่งเน้นให้คงสภาพเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรมที่สวยงามตามธรรมชาติเอาไว้  วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากวัดขุนอินทประมูล โดยเดินทางมาจากถนนสายเอเชีย แยกเข้า จ.อ่างทอง ด้านขวามือจะผ่าน โรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (สะพานอ่างทอง) จะเจอสี่แยกไฟแดง ให้ตรงมาผ่านตลาด จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ เจอสี่แยกไฟแดงแยกเรือนจำให้เลี้ยวขว ผ่านเรือนจำอ่างทอง ตรงไปด้าน ซ้ายมือเห็นปั๊มน้ำมัน ปทต.ให้ ยูเทิร์นกลับ จะพบป้ายวัดสังกระต่ายอยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลตำบลศาลาแดง ประมาณ 500 เมตรก็ถึงวัดสังกระต่าย

 

 

16.00 ชมเจดีย์สีทอง ที่ วัดท่าอิฐ

สิ่งที่โดดเด่นของวัดท่าอิฐ ที่ทำให้เราต้องแวะมา คือ อยากมาชมเจดีย์สีทองอันงดงาม ของพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง ซึ่งมองเห็นมาแต่ไกลจากถนน  สีทองอร่ามพระเจดีย์มีสองชั้นโดยชั้นที่ 2 ของเจดีย์มีพระพุทธชินราชเป็นองค์พระประธานประดิษฐานอยู่บนฐานยกสูงตรงกลาง การเดินทาง  จากตัวเมืองอ่างทอง เลี้ยงขวาไปตามป้ายสุพรรณบุรีตามทางหลวงหมายเลข ไปตามทางหลวงหมายเลข 3064 กิโลเมตรที่ 7-8   อยู่ก่อนถึงวัดขุนอินทประมูล

 

 

สาเหตุของการสร้างพระธาตุเจดีย์เนื่องจาก พระครูสุคนธศีลคุณ(หลวงพ่อหอม) มีดำริจะสร้างเจดีย์ขึ้นในบริเวณวัด มีความกว้าง 40 เมตร สูง 73 เมตร รูปแบบศิลปะลังกา-อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีองค์ระฆังและปล้องไฉน 32 ปล้อง เพื่อทดแทนเจดีย์หลังเดิมที่ผุพังไปตามกาลเวลาและเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และ พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ประดิษฐานในพระเจดีย์เป็นสมบัติของศาสนา ต่อมา พระคุณสุคนธศีลคุณได้ทราบอาการ พระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างเจดีย์ ด้วยความห่วงใยในพระองค์ท่านหลวงพ่อหอม ได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่า ขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวร ถ้าเป็นไปดังสัจจาธิษฐาน จะสร้างเจดีย์ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน และหลังจากเจดีย์สร้างเสร็จทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า “พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง”

 

 

17.30 อำลาแสงสุดท้าย ที่วัดม่วง

ก่อนกลับกรุงเทพในเส้นทางกลับเราผ่านไปยังวัดม่วง ตั้งอยู่ในอำเภอวิเศษชัยชาญ  เพื่อสักการะขอพรหลวงพ่อใหญ่ หรือ” พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9  คณะลูกศิษย์หลวงพ่อเกษม ได้พร้อมใจรวมพลังช่วยกันสร้างร่วมกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจนการก่อสร้างองค์พระได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 มีระยะเวลาการก่อสร้างรวมประมาณ 16  ปี

 

 

หากอยากถ่ายภาพหลวงพ่อใหญ่ได้แบบไม่ย้อนแสงก็ควรมาในช่วงเช้า จะโอเคกว่า แต่ถ้าอยากได้ความรู้สึกของแสงในยามเย็นและอารมณ์ย้อนแสงหน่อยๆ มาในช่วงก่อนพระอาทิตน์ตกดินก็ได้ แต่บังเอิญวันที่ไปฟ้าครึ้มนิดหน่อยก็เลยยังเก็บแสงมาได้ไม่ค่อยเต็มที่ แต่ก็ถือว่าการมาไหว้หลวงพ่อใหญ่ในยามนี้เงียบสงบ และไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่เพราะกลับกันหมดแล้ว

 

 

เต็มอิ่มไปด้วยบุญใน 1 วัน อ่างทองเที่ยวง่าย วันเดียวไปได้ทันที

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน