เที่ยวนาแห้ว 3 วัน 2 คืน ไปแล้วไม่มีแห้ว

เที่ยวนาแห้ว อำเภอเล็กๆที่ซ่อนตัวในหุบเขาของจังหวัดเลย เคยรู้จักความสวยงามของอำเภอนี้เมื่อหลายปีก่อนจากหนังสือท่องเที่ยวเล่มหนึ่ง ยังจำภาพนาข้าวสีเขียวสายหมอกบางยามเช้า ภาพธรรมชาติแบบดั้งเดิมที่งดงามไปด้วยเรื่องราวและวิถีชีวิตที่เรียบง่าย  รู้สึกว่าเมืองนี้ดูสงบน่าเที่ยวดีจัง ปักหมุดนาแห้วไว้ในดวงใจ หาโอกาสไปเยือนด้วยตัวเองซักครั้ง 3 วัน 2 คืน มาเที่ยวอำเภอเล็กๆแห่งนี้ด้วยกัน

 

เที่ยวนาแห้ว

 

เที่ยวนาแห้ว วันแรก

 

วัดโพธิ์ชัย

มาเที่ยวนาแห้วถ้ามีเวลาน้อย อาจมาเที่ยว 2 วัน 1 คืน ก็ได้ แต่สำหรับเราอยากเที่ยวให้ครบจึงเลือกมา 3 วัน 2 คืน เพราะนาแห้วมีจุดท่องเที่ยวเยอะ โดยเฉพาะจุดชมทะเลหมอกสวยๆซึ่งต้องมีเวลา 2 เช้า เพื่อชมทะเลหมอกที่เราอยากไป เราเดินทางจากกรุงเทพ ขับรถผ่านด่านซ้าย เข้าสู่เส้นทางภูเขาคดเคี้ยว มาถึงนาแห้วบ่ายสามโมง แวะสถานที่สำคัญแห่งแรก  วัดโพธิ์ชัย วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศริอยุธยาและเป็นวัดสำคัญที่อยู่ในคำขวัญของอำเภอนาแห้วอีกด้วย วิหารของวัดสร้างแบบเรียบง่ายเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กับโครงสร้างไม้ ก่ออิฐฉาบปูน หลังคามุงแผ่นไม้หรือแป้นเกล็ดที่ปัจจุบันหาชมได้ยาก มีประตูทางเข้า 3 ทาง คือด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ที่ประตูทั้งสามทิศมีสัตว์หิมพานต์หมอบอยู่ด้านละ 1 คู่ ด้านข้างมีหอไตรไม้เก่าแก่คลาสสิคเป็นอีกสิ่งน่าสนใจ

 

เที่ยวนาแห้ว

เที่ยวนาแห้ว

 

วัดโพธิ์ชัย เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพของชาวบ้านอำเภอนาแห้ว คือ พระเจ้าองค์แสน หรือพระพุทธรูปฝนแสนห่า เป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก กว้าง 34 เซนติเมตร สูง 50 เซนติเมตร เนื้อองค์เป็นทองสัมฤทธิ์  

 

 

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัดโพธิ์ชัย  คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ ทั้งภายนอกและภายในโบสถ์ ฝาผนังด้านในเขียนเรื่องพุทธประวัติวรรณกรรมพื้นบ้าน  ผนังด้านนอกเขียนเรื่อง เนมิราชชาดก สังข์ศิลป์ชัย และการะเกต สะท้อนให้เห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่ และการนับถือศาสนาของชาวบ้านนาพึงในช่วงปลายสมัยอยุธยา  ซึ่งภาพเขียนเป็นฝีมือช่างพื้นบ้านมองดูแล้วงดงามแปลกตาแตกต่างจากที่อื่น

 

 

จิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเดิมตั้งแต่สมัยโบราณไม่ได้มีการวาดแต่งเติมสีใหม่เหมือนบางที่ สังเกตได้ว่าบางภาพจะดูเลือนรางจนแทบมองไม่เห็น ซึ่งต่อมากรมศิลปากรได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าทั้งโบสถ์ วิหาร และพระพุทธรูปมีอายุกว่า400 ปี นับเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุที่มีค่ายิ่งของจังหวัดเลย

 

 

Reforest Coffee Nahaeo

 ขับรถมาเรื่อยๆใกล้เขตอุทยานภูสวนทราย ​ มาเจอร้านนี้ Reforest Coffee Nahaeo  ร้านกาแฟเล็กๆริมทางในโครงการสร้างป่า​สร้างอาชีพ ในพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ดีไซน์แบบลอฟท์เท่ๆ แถมบรรยากาศร่มรื่นมาก เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและอยู่ติดริมน้ำ ต้องแวะจอดพักผ่อนคลายจากการขับรถมานานสักหน่อย

 

เที่ยวนาแห้ว

 

ภายในร้านตกแต่งในสไตล์ลอฟท์ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติ ที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้และป่าเขา มีโต๊ะ เก้าอี้ ดีไซน์โมเดิร์น ให้ได้นั่งพัก

 

เที่ยวนาแห้ว

 

ส่วนใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติ ยังมีที่นั่งบริเวณระเบียงริมน้ำ ช่วยให้ผ่อนคลายและรู้สึกร่มรื่นมากขึ้น ร้านมีเฉพาะเครื่องดื่มกาแฟ ชา โกโก้ และขนมเพียงเล็กน้อย ขับรถมาเหนื่อยๆได้จิบกาแฟลาเต้เย็นก็ช่วยปลุกให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาบ้าง

 

 

Reforest Coffee Nahaeo

ตำบล นาแห้ว อำเภอ นาแห้ว เลย 42170

โทรศัพท์: 095 849 7427

 

ไร่ลุงหนึ่ง

ประมาณ 4 โมงเย็น เรามาถึงที่พักคินแรก ไร่ลุงหนึ่ง ที่พักในกระท่อมน้อยแสนเรียบง่าย แห่งอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ราคาหลักร้อย วิวสวยหลักล้าน มองเห็นทะเลหมอกพร้อมแสงอาทิตย์ยามเช้า ที่คลอเคล้าวิวทิวเขาที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้า นอกจากที่พักยังมีพื้นที่กางเต้นท์สำหรับสายแคมป์ที่อยากดื่มด่ำแลสัมผัสความเป็นธรรมชาติ ไร่ลุงหนึ่ง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูหัวฮ่อม สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งนาแห้ว ยามเช้าชมวิวหน้าที่พักกันแล้ว ยังสามารถไปชมวิวที่ภูหัวฮ่อมต่อได้ด้วย

 

เที่ยวนาแห้ว

 

ไร่ลุงหนึ่ง มีที่พักให้บริการเพียง 2 หลัง ในราคาหลังละ 700 บาท (ไม่มีอาหารเช้า) บ้านทั้งสองหลังตั้งอยู่ริมเนินเขา สามารถมองเห็นวิวได้แบบกว้างไกล โดยหลังที่ 1 ตั้งอยู่ฝั่งขวาหลังนี้ คือ หลังไฮไลท์ที่มองเห็นวิวได้แบบชัดเจน ภายในบ้านพักไม่มีสิ่งอำนวยคามสะดวกมากนัก มีเพียงที่นอน พัดลม ชา กาแฟ โจ๊กสำเร็จรูป กาต้มน้ำร้อน มีระเบียงชมวิวนอกบ้าน และห้องน้ำในตัว ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เห็นบ้านพักแบบกระท่อมเรียบง่าย แต่ห้องพัก ที่นอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ค่อนข้างสะอาด  

 

 

ส่วนอีกหลังคือบ้านหลังที่ 2 ที่ห่างกันออกไป มีลานละเบียงส่วนกลาง เป็นโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งเล่น ทานอาหาร และยังมีสนามหญ้ากว้างสำหรับผู้ที่สนใจมากางเต้นท์ โดยมีห้องน้ำรวมให้ใช้อยู่ด้านล่าง

 

 

มื้อเย็นหากไม่ได้เตรียมมาเอง สั่งหมูกระทะกับที่พักได้เลย ส่งตรงจากร้านในชุมชนถึงที่พักชุดละ 400 บาท จะทานหน้าห้อง หรือไปทานที่ลานระเบียงส่วนกลางก็ได้ 

 

 

วันที่สอง

 

ยามเช้าตื่นขึ้นมากับชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้จากหน้าบ้าน ทะเลหมอกมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ อย่างวันที่เราไปพักถือว่าน้อย ถ้าวันไหนทะเลหมอกเยอะ จะลอยมาถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนหน้าฝนทะเลหมอกจะมีมาให้เก็นตลอด แต่ถ้าเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงฤดูหนาวหากวันไหนลมไม่แรงก็มีหมอกให้เห็น

 

ไร่ลุงหนึ่ง นาแห้ว

 

อากาศกำลังเย็นสบาย ต้องมีชุดดริปกาแฟเป็นพรอพที่เราเตรียมมาเอง ได้บรรยากาศสุดๆ

 

 

ออกมาเดินเล่นชมบรรรยากาศบริเวณลานระเบียงส่วนกลางบ้าง มองเห็นสายหมอกบางลอยคลอเคลียเหนือภูเขา นั่งพักผ่อนมองวิวตรงนี้แบบนิ่งๆก็มีความสุขแล้วค่ะ มาพักในวันธรรมานักท่องเที่ยวจะน้อย ถ้าเป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์ คนจะค่อนข้างมากางเต้นท์เยอะ

 

 

 

จุดชมวิวภูหัวฮ่อม 

หลังจากเช้าที่บ้านลุงหนึ่ง เราแว่บไปชมวิวที่ จุดชมวิวภูหัวฮ่อม ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ไม่ไกลจากไร่ลุงหนึ่งขับรถไปไม่ถึง 5 นาที แต่วันที่เราไปหมอกน้อยมาก ซึ่งพอจะรู้แล้วว่าหมดสิทธิ์ลุ้นหมอกแน่ เพราะหากไร่ลุงหนึ่งน้อยที่นี่จะน้อยเหมือนกัน เพราะตั้งอยู่ใกล้กัน ด้วยช่วงเวลที่เราไปเที่ยวคือ ปลายฝนต้นหนาวมาในจังหวะที่ลมแรงพอดี ลมเลยพัดหมอกไปหมด ถ้าลมนิ่งๆ อาจจะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกสวยๆ ภูหัวฮ่อมมีจุดชมทะเลหมอกสองจุด จุดแรกในภาพ คือ ลานกางเต้นท์ มีระเบียงชมวิวสำหรับเดินไปชมวิว 

 

 

 

อีกจุดอยู่ก่อนถึงลานกางเต้นท์  คือ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น โดยพระอาทิตย์จะชึ้นฝั่งนี้ค่ะ มีลานระเบียงชมวิวเช่นกัน หากมีหมอกเยอะ จะสวยมากๆ แต่ตามที่บอก วันที่เราไปลมแรง หมอกแทบไม่มีให้เห็น 

 

   

 

หลังจากไม่มีหมอกก็กลับมาที่ไร่ลุงหนึ่ง มาชมวิวที่พักกันต่อ ที่ไร่ลุ่งหนึ่งยังพอมีหมอกบางๆให้ได้ชม 

 

 

จากห้องพักมองเห็นวิวระเบียงและที่พักของไร่ลุงหนึ่งอีกโซน แต่ไม่แน่ใจว่าเปิดให้บริการมั้ย เพราะค่อนข้างเงียบมาก สามารถลงไปเดินเล่นชมวิวตรงระเบียงได้เลยค่ะ วิวตรงนี้ก็สวยงามไม่แพ้ข้างบน  ไร่ลุงหนึ่ง เป็นการพักผ่อนที่อยู่กับธรรมชาติ ในกระท่อมแบบเรียบง่าย แต่สามารถเติมใจให้ฟูได้มากเลยทีเดียว เพราะวิวดีมาก แถมราคายังน่ารักแค่หลัง 700 บาทเท่านั้น

 

 

ไร่ลุงหนึ่ง นาแห้ว 

ที่อยู:  ภูหัวฮ่อม ระหว่างทางขึ้น อำเภอ นาแห้ว เลย

ติดต่อจองที่พัก  โทร 064 275 4888

ไอดีไลน์ 0642754888

Facebook : ไร่ลุงหนึ่ง นาแห้ว 

 

 

โกดัง คาเฟ่

เนื่องจากไร่ลุงหนึ่งไม่มีอาหารเช้า และเราก็ไม่ได้เตรียมอาหารมาเอง เราเลยไปทานอาหารเช้าที่ โกดัง คาเฟ่ นาแห้วเป็นอำเภอที่  ค่อนข้างหาร้านอาหารในสไตล์คาเฟ่ได้ยาก ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารตามสั่งของชาวบ้านแบบง่ายๆ และมีเพียงไม่กี่ร้าน สำหรับคนที่อยากทานอาหารที่ได้บรรยากาศ มองวิวทุ่งนาและภูเขา แถมเครื่องดื่มอาหารยังรสชาติดี ให้มาแวะมาฝากท้องที่ ร้านกาแฟและอาหารเล็กๆในบ้านแสงภาพไม่ไกลจากตัวอำเภอนาแห้ว บรรยากาศแบบสบายเป็นห้องกระจกและที่นั่งระเบียงชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวสีเขียวแบบสบายตา

 

 

ร้านตั้งอยู่ในหมู่บ้านแสงภา ไม่ไกลจากวัดศรีโพธิ์ชัย ตั้งอยู่ริมถนน เป็นร้านเล็กๆแบบธรรมดา ภายในร้านเป็นหน้าต่างกระจกที่มองเห็นวิวข้างนอก หากมาเที่ยวในช่วงฤดูทำนาจะได้เห็นนาข้าวที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้าน มีพื้นที่ระเบียงข้างนอกที่สามารถนั่งจิบเครื่องดื่มในเวลาแดดร่ม  

 

 

เมนูอาหารเน้นอาหารจานเดียว ต่างๆ ยำ ส้มตำ พิซซ่า  อาหารรสชาติดีเลยทีเดียว ยำเราสั่งยำทะเลมาทานรสชาติจัดต้าน ทางเจ้าของร้านเอาเค้กมะพร้าวมาให้ลองทานด้วย เค้กอร่อยมากต้องสั่ง สำหรับเท่าที่ทานอาหารในนาแห้ว โกดัง คาเฟ่ น่าจะโอเคที่สุด เหมาะที่จะแวะมาฝากท้องยามหิว ถ้ากำลังมองร้านอาหารและเครื่องดื่มและนั่งในร้านแบบผ่อนคลายสบายๆ

 

 

โกดัง คาเฟ่ นาแห้ว

ที่อยู่ :  137 หมู่ 2 อำเภอ นาแห้ว เลย 42170

เปิดใบริการ : 09.00 น. -21.oo นง

โทร  : 087 306 4222

Facebook : GodangCafeSaengpha/

 

จุดชมวิวต้นดอกไม้ 

จากโกดังคาเฟ่ ไม่ไกล ผ่านจุดชมวิวที่เราเรียกเองว่า จุดชมวิวต้นดอกไม้  เพราะเราจะสังเกตุเห็นต้นดอกไม้ขนาดใหญ่เรียงรายโดดเด่นริมถนน ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านแสงภา ชุมชนเล็กๆที่ยังคงวิถีชีวิตพื้นบ้านท้องถิ่นไว้เป็นอย่างดี  ต้นดอกไม้ เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีแห่ต้นดอกไม้ที่โด่งดังของนาแห้ว ด้วยวิถีชีวิตที่ยังคงมีความดั้งเดิมอยู่มาก ประกอบกับมีต้นดอกไม้อยู่ตรงจุดนี้ บรรยากาศคล้ายกับวิวของภูฏาน จนเป็นที่มาของชื่อ “บ้านแสงภา ภูฏานเมืองไทย” ซึ่งสำหรับเราเมืองไทย ก็คือ เมืองไทย ในแต่ละจังหวัดมีเอกลักษณ์และสวยงามไม่แพ้ที่ไหนเช่นกัน

 

 

บริเวณจุดชมวิวต้นดอกไม้ยังมีระเบียงชมวิวมองเห็นวิวนาข้าว และภูเขา รวมถึงบ้านเรือนที่แสนเรียบง่ายของชุมชนบ้านแสงภา 

 

 

วัดศรีโพธิ์ชัย

 

จากจุดชมวิวต้นดอกไม้ มาถึง วัดศรีโพธิ์ชัย วัดที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่สร้างมาพร้อมกับ วัดโพธิ์ชัย  ผู้ริเริ่มเข้ามาตั้งรกรากเป็นนายพรานชื่อ เซียงภา ข้ามมาจากฝั่งลาว เข้ามาล่าสัตว์ เมื่อพบทำเลเหมาะสมจึงได้ชักชวนชาวบ้านคนอื่น เข้ามาตั้งบ้านเรือน แล้วตั้งชื่อว่าบ้านเซียงภา ต่อมาจึงเพี้ยนเป็น แสงภา และสร้างวัดศรีโพธิ์ชัยขึ้นเป็นที่สักการะและเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน ลักษณะของมองดูแล้วอุโบสถ์คล้ายวัดเชียงของเมืองหลวงพระบางประเทศลาว

 

 

 

ภายในประดิษฐานพระประธาน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงปู่ใหญ่” เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนผสมล้านช้าง

 

 

จุดชมวิวบ้านแสงภา

ผ่านวัดศรีโพธิ์ชัย มาถึงจุดชมวิวบ้านแสงภา เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นวิวของวัดศรีโพธิ์ชัยรวมถึงวิวของนาข้าวได้แบบกว้างไกล รวมถึงหมู่บ้านแสงภา ที่อยู่รายล้อมด้วย

 

 

จากจุดชมวิว มองกลับไปก็จะเห็นเส้นถนนที่มีฉากหลังเป็นนาข้าวทิวเขา และรถของชาวบ้านขับผ่านไปมา มองแล้วสุขสงบใจ มีความเรียบง่ายมาก 

 

 

พระธาตุดินแทน

จากจุดชมวิวก่อนถึงวัดศรีโพธิ์ชัย จะเห็นถนนทางเข้าเล็กๆ เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร และเดินขึ้นบันไดไปอีกนิดหน่อย คือ ที่ตั้งของ พระธาตุดินแทน สร้างมาจากดิน ซึ่งเกิดจากพุทธศาสนิกชนนำดินมาถวายด้วยจิตศรัทธา กองทับถมกันจนกลายเป็นพระธาตุดินแทนหรือภูเขาดินขนาดใหญ่เป็นเวลากว่า 200 ปี ตามประวัติเล่าว่าเมื่อก่อนชาวบ้านไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เคารพบูชา จึงนับถือผีสาง ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนำมาบูชายัญ ต่อมามีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาหยุดพักที่หมู่บ้าน ถ้าหากอยากได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องเลิกฆ่าสัตว์และปฎิบัติตามศีล จึงได้ร่วมมือกับชาวบ้านช่วยกันสร้างพระธาตุดินแทนเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านแทนการบูชาภูตผี  ทำให้มีคนนำดินมากองถวายเพิ่มให้พระธาตุแห่งนี้อยู่ไม่ได้ขาด จนกลายเป็นภูเขาดินขนาดใหญ่ขึ้นมา

 

 

น้ำตกคิ้ง 

นาแห้วมีน้ำตกขึ้นชื่อ คือ น้ำตกตาดเหงือง น้ำตกแห่งนี้ต้องเดินเข้าไปพอสมควร ด้วยความไม่อยากสมบุกสมบันมาก เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อม เราเลยไม่ได้ไป แต่แวะมาที่น้ำตกที่เที่ยวง่ายๆแทน อย่าง น้ำตกคิ้ง ตั้งอยู่ริมถนนจอดรถฝั่งตรงข้าม เดินลงบันไดไปนิดเดียวก็ถึงตัวน้ำตก เป็นน้ำตกเล็กๆริมทางที่เที่ยวง่ายและสบาย แถมยังบรรยากาศดีเงียบสงบอีกด้วย

 

 

นั่งพักฟังเสียงน้ำตก และธรรมชาติ และอากาศที่เย็นสาย ช่วยผ่อนคลายได้มากเลยค่ะ ใครอยากมาปิคนิค ก็มีพื้นที่นั่ง เอาอาหารเครื่องดื่มมาทานได้ แต่ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย 

 

 

 

ชายแดนไทยลาวบ้านเหมืองแพร่

อีกจุดท่องเที่ยวของของนาแห้ว ที่ไม่ควรพลาด คือ ชายแดนไทยลาวบ้านเหมืองแพร่ ซึ่งประเทศไทยกับลาวห่างกันเพียงแม่น้ำสายเล็กๆกั้น ตรงจุดนี้เป็นที่ตั้งของ ตลาดผ่อนปรน ซึ่งเป็นตลาดเล็กๆ มีของพื้นบ้านขาย โดยเฉพาะงานจักสานต่างๆ บ้านเหมืองแพร่ ตั้งอยู่ในตัวอำเภอนาแห้วเลยค่ะ มีเซเว่น ร้านค้าชุมชน รวมถึงตลาดสดนาแห้วก็ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ช่วงเช้าหรือเย็น เราสามารถมาเดินซื้ออาหารทานได้ แต่อาหารจะมีไม่มากนัก 

 

  

 

บริเวณชายแดนบ้านเหมืองแพร่ มีร้านกาแฟหนึ่งร้าน  ชื่อว่า แดนสยาม coffee ตัวร้านมีสองชั้น ชั้นสอง บรรยากาศดี สั่งเครื่องดื่มแล้วก้มานั่งชมวิวตรงนี้ได้ 

 

 

มีร้านอาหารตามสั่งและขายส้มตำ เป็นร้านเด่นในชุมชนที่พอจะสั่งอาหารมาทานได้ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟ ส้มตำร้านนี้อร่อย สั่งมาทานกับผัดไทยที่รสชาติพอจะทานได้ 

 

 

นาแห้ว รีสอร์ท

ที่พักคืนที่สองตั้งอยู่ใกล้กับบ้านเหมืองแพร่ หากกำลังมองหาที่พักใจกลางเมืองนาแห้ว แสนสะดวกหลับสบาย ดีไซน์เก๋ ต้องมาพักที่ นาแห้ว รีสอร์ท ที่พักหลังน้อยน่ารักแบบบ้านส่วนตัว ในโทนสีขาวน้ำตาลสุดมินิมอล ภายในห้องพักกว้างขวาง สะดวกสบาย มีทั้งโซนห้องนอน มุมโซฟานั่งเล่น แถมยังติดริมทุ่งนาให้นั่งชมวิวสูดกลิ่นอายบ้านทุ่งแบบเต็มอิ่ม โดนใจสายชอบแชะ อยากหามุมสวยถ่ายภาพในที่พักแน่นอน

 

 

เมื่อเข้ามาในพื้นที่ของรีสอร์ท ด้านหน้าจะเป็นที่พักบ้านไม้แบบเดิม ส่วนห้องพักในสไตล์มินิมอล ตั้งอยู่ข้างใน มีเพียง 4 หลัง ในดีไซน์ที่แตกต่างกัน บ้านหลังที่เราพักชื่อว่า บ้านฮอมฮัก ราคาคืนละ 1800 บาท พักได้ 2 ท่าน (ไม่มีอาหารเช้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น ภายในห้องพักแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งเล่น ที่มีทั้งโซฟา โต๊ะทำงาน ทีวี ตู้เย็น โต๊ะเครื่องแป้ง  ห้องน้ำกว้างขวางและมีเครื่องทำน้ำอุ่น

 

 

ประตูเป็นแบบกระจกมองเห็นวิวจากห้องพัก เปิดประตูออกไปมีระเบียงชมวิว พร้อมเก้าอี้ ที่สามารถมานั่งเล่นชมวิวทุ่งนาได้

 

 

ส่วนพื้นที่นอนจะอยู่บนชั้นลอย ตกแต่งคลุมโทนเก๋ไปอีก พื้นที่นอนค่อนขว้างกว้าง แต่อาจเนื่องจากบันไดชัน อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุเท่าไหร่ อาจจะต้องดูเป็นบ้านหลังอื่น จากชั้นลอยสามารถมองเห็นวิวทุ่งนาได้ด้วยค่ะ สำหรับการมาพักผ่อนที่นาแห้ว ที่นี่ถือว่าเป็นทีพักที่ค่อนข้างสะดวกสบาย ดีไซน์สวยเก๋ ถ่ายรูปสวยทุกมุม ในราคาหลักพันนิดๆ ซึ่งถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ากับราคา ติดที่ว่าจะไม่มีอาหารเช้า แต่ที่พักตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดเช้าและแหล่งชุมชน เซเว่น  ก็สะดวกในการหาซื้ออะไรทานในตอนเช้า สามารถสอบถามรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมได้ที่เพจ https://www.facebook.com/NahaeoResort/

 

 

วันที่สาม 

ภูค้อ

เช้าวันที่สาม เราตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปยันัดขึ้นรถเพื่อนไปชมทะเลหมอก ภูค้อ จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอนาแห้ว สามารถมองเห็นสายหมอกลอยคลอเคลียภูเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน เหนือผืนป่าเขียวและพืชไร่ของชาวบ้าน ยิ่งช่วงที่แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบลงบนสายหมอกและผืนป่าเขียวบนยอดเขา เป็นภาพที่อบอุ่นและงดงาม  ภูค้อ เป็นจุดชมทะเลหมอกที่เดินทางด้วยรถถึงแบบไม่ต้องเดิน โดยใช้บริการรถอีแต๊กของกลุ่มท่องเที่ยวทะเลหมอกภูค้อ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดชมวิว  นอกจากนี้ยังให้บริการพื้นที่กางเต๊นท์สำหรับสายแคมป์ปิ้งที่รักบรรยากาศแบบธรรมชาติอีกด้วย

 

 

การเดินทางมาชมทะเลหมอกภูค้อ สามารถใช้บริการรถอีแต๊นนำเที่ยวเพื่อไปยังจุดชมวิว สามารถเดินทางมาในช่วงเช้า สามารถพักยังที่พักในอำเภอนาแห้วแล้วเดินทางมาที่ภูค้อในช่วงเช้า โดยเวลานัดหมายประมาณตี 5  โดยภูค้อจะมีผู้ให้บริการ 2 เจ้า มีจุดชมวิว 2 จุด  จุดแรก เป็นของป้าโจ ไร่ภูค้อ ตั้งอยู่บนจุดสูงสุด สามารถมองเห็นวิวได้แบบกว้างไกล จะคิดค่าบริการไปกลับเหมาคันละ 500 บาท นั่งได้ไม่เกิน 5 คน และจุดที่สอง เป็นของอีกเจ้าซึ่งอยู่ถัดลงไปข้างล่าง คิดค่าบริการไปกลับเหมาคันละ 800 บาท รถอีแต๋นนั่งได้ไม่เกิน 5 คน เราเลือกใช้บริการของป้าโจเพราะโอเคกับราคาที่สมเหตุสมผล รวมทั้งอัธยาศัยของคุณป้าที่น่ารักมาก สำหรับจุดขึ้นรถ สามารถไปขึ้นได้ที่ปั้มน้ำมัน เลยโรงพยาบาลนาแห้วมานิดนึง ปั้มไม่มีชื่อนะคะเป็นปั้มเล็กๆ ให้ผ่านโรงพยาบาลมานิดเดียว มองฝั่งตรงข้าม สังเกตชื่อร้าน กังหันลม เห็นป้ายปุ๊บถัดไป คือ ปั้มน้ำมัน ในภาพคือ รถอีแต๋นที่เรานั่งไปที่จุดชมวิว เส้นทางมีความออฟโรด เป็นทางดินที่มีพืชไร่และป่าปกคลุมทั้งสองข้างทาง  ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดชมวิวภูค้อ  

 

 

มาถึงจุดชมวิวภูค้อแล้ว วันที่ไปลมค่อนข้างแรง ทำให้ทะเลหมอกมีไม่เยอะมาก ปกติจะลอยปกคลุมเป็นหมอกหนาทั้งภูเขา ซึงการจะได้เห็นหมอกมากน้อบ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน แต่ให้ชัวร์ว่าสวย ต้องช่วงหน้าฝนเดือนกันยายนไปจนถึงฤดูหนาวเดือนธันวาคม แต่โดยส่วนตัวเราก็แอบชอบหมอกแบบนี้ เพราะจะได้เห็นทิวเขาประกอบกันด้วย บริเวณจุดชมวิวมีการจัดทำลานระเบียงสงจุด รวมทั้งชิงช้า โต๊ะเก้าอี้นั่ง จากลานระเบียงชมวิวสามารถมองเห็นทั้งสายหมอกและภูเขาได้แบบกว้างไกล

 

 

มองไปข้างล่าง คือ จุดชมวิวภูค้อของอีกเจ้าจะอยู่ถัดลงไป เพราะตามที่บอกภูค้อ มีผู้ประกอบการจุดชมวิวประมาณสองเจ้า แล้วแต่ว่าเราจะใช้บริการเจ้าไหน  

 

 

ระหว่างนั่งรถแสงอาทิตย์ ป้าโจก็ทำข้าวต้มมาเสิร์ฟพร้อมกาแฟโอวัลติน โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่ารถ คนละ 80 บาท 

 

 

ไม่นานหลังจากโดนเมฆปกคลุม พระอาทิตย์ก็เริ่มส่องแสงให้พอได้เห็นบ้าง ทำให้เช้าที่ขะมุกขมัว เริ่มสดใสและกลายนเป็นภาพที่อบอุ่นขึ้น วินาทีเหมือนช่วงเวลาสวรรค์ค่ะ กดภาพไม่ยั่งเลยทีเดียว เพราะอีกไม่นานพระอาทิตย์ก็หายเข้าไปในเมฆอีก เห็นภาพจากเพจของคุณป้า บางวันที่อากาศเคลียร์ แสงเช้าสวยเป็นแสงสีทองแบบเว่อวังมาก  

 

 

เป็นอีกหนึ่งเช้าอันแสนประทับใจ ที่ได้มาชมทะเลหมอกแห่งเมืองแลยที่สวยงามอีกหนึ่งแห่ง แถมไม่ต้องเดินไกล ชอบตรงนี้ นั่งรถถึงเดินไม่กี่ก้าวก็ได้เห็นทะเลหมอกและวิวสวยงามเหมือนภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า ที่ ภูค้อ นั่งมองวิวและแสงที่เปลี่ยนไปแบบไม่เบื่อเลยทีเดียว

 

 

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

ชมภูดูทะเลหมอก ไร่ภูค้อป้าโจ

กางเต็นท์นอนบนภูค้อ คิดราคาคนละ 150 บาท  อาหารเช้า ข้าวต้ม โอวัลติน คนละ 80 บาท 

โทร : ป้าโจ โทร 0985942322

ผู้ใหญ่สุรชัย จันทะคุณ โทร. 098 665 6358

Facebook :  ชมภูดูทะเลหมอก ไร่ภูค้อป้าโจ

 

ภูเก้าฮ่อม 

 

ก่อนกลับไม่แวะไม่ได้เลย จุดชมวิวภูเก้าฮ่อม  เป็นอีกหนึ่งเส้นถนนสวยอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทย  ภูเก้าฮ่อม หรือถนนลอยฟ้าแห่งเมืองเลย ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 2113 เส้นด่านซ้าย-นาแห้ว ที่มุ่งสู่อำเภอนาแห้ว ถนนเส้นนี้คดเคี้ยวลัดเลาะผ่านภูเขา ตัดผ่านป่าที่เขียวขจี สองข้างทางจะได้เห็นวิวธรรมชาติที่งดงาม หากมองจากมุมสูงเส้นถนนคล้ายกับเลข 9 บริเวณภูเก้าฮ่อม ยังจัดเป็นพื้นที่สำหรับชมวิวที่นักท่องเที่ยวสามารถมาจอดรถ เก็บภาพอันประทับใจกับถนนเส้นนี้ได้ หากมาเที่ยวในช่วงเช้ายังสามารถมองเห็นทะเลหมอกที่เป็นฉากหลัง ตัดกับสีเขียวของผืนป่าและทุ่งนาและเส้นถนนที่คดเคี้ยวอีกด้วย เราจะผ่านจุดชมวิวนี้ก่อนเข้าสู่อำเภอนาแห้ว ซึ่งจะแวะขาไปหรือกลับก็ได้

 

 

บริเวณจุดชมวิว สามารถนำรถมาจอดไว้ตรงบริเวณนี้ และถ่ายรูปได้ 

 

 

หรือจะเดินข้ามไปอีกฝั่ง มีลานถนนที่ค่อนข้างกว้างที่สามารถชมวิวโค้งถนนได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง แต่ตอนข้ามถนนต้องระมัดระวังรถกันนิดนึง 

 

 

 

จะเอาเก้าอี้ หรือพรอพใด ๆ  มาวางถ่ายรูปตรงจุดนี้ ก็ได้ 

 

 

ภาพมุมสูงถ่ายด้วยโดรน จะมองเห็นเส้นถนนที่คดเคี้ยวที่ตัดผ่านผืนป่าสีเขียว และวิวของทุ่งนาได้แบบชัดเจน หากอยากเห็นสายหมอกปกคลุมเส้นถนน ให้มาช่วงเช้านะคะ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนได้เห็นแบบสวยงามแน่นอน 

 

 

 

นาแห้ว  คือ อำเภอที่รู้สึกว่าความเจริญของเทคโนโลยี ไม่สามารถเข้ามากลืนกินความเรียบง่ายให้หายไปได้ ถ้าจุดมุ่งหมายการท่องเที่ยวของเรา มาเพื่อให้ได้เห็นวัฒนธรรม การดำรงชีวิตที่แตกต่าง ซึมซับธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ก็แพคกระเป๋ามาเที่ยวกันได้เลย รับรองได้ว่ามาแล้วจะไม่แห้วแน่นอน

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง